วันเสาร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2557

6 เทคนิคการขายสินค้า



1.การแสวงหารายชื่อลูกค้าในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้คุณประหยัดเวลาว่าลูกค้ารายนี้มีอำนาจในการตัดสินใจซื้อสินค้า มากน้อยเพียงใด และเป็นการหาคำตอบว่าลูกค้าต้องการอะไร สินค้าประเภทไหน

2. การเตรียมตัวก่อนเข้าพบ ก็คือตัวเราเองต้องมีจิตใจมุ่งมั่น พร้อบรับสถานการณ์ได้ทุกรูปแบบ และข้อมูลลูกค้าเบื้องต้น อีกทั้งยังต้องแต่งกายสุภาพ เรียบร้อย ซึ่งจะช่วยให้ลดข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ลูกค้า

3. การเข้าพบ เป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมาก ที่จะกระตุ้นหรือจูงใจลูกค้าเกิดความสนใจและประทับใจ

4. การนำเสนอขายสินค้าให้ประสบผลสำเร็จจะต้องยึดหลักสำคัญ 4 ประการดังนี้
  • สร้างความมั่นใจโดยการรับประกันคุณภาพสินค้าหรือการเยี่ยมชมโรงงาน
  • สร้างความชัดเจนและเข้าใจง่ายโดยการสาธิต หรือให้ลูกค้าทดสอบการใช้งาน
  • สร้างความสมบูรณ์ โดยการให้ข้อมูลสินค้ามาสร้างเป็นคำพูดในลักษณะจำง่าย
  • สร้างความเปรียบเทียบ โดยเสนอจุดเด่นที่คู่แข่งของเราไม่มี เปรียบเทียบให้เห็นสิ่งที่แตกต่างกัน

5. ตอบโต้ต่อข้อขัดแย้ง นั้นคือ การขจัดปัญหาหรือความคิดเห็นที่แตกต่างกันระหว่างเรากับลูกค้า และแก้ไขสถานการณ์ได้ตลอดเวลา ด้วยท่าทีมั่นคง ยิ้นแย้ม แจ่มใส และบางครั้งก็ต้องยอมรับและเห็นด้วยกับข้อขัดแย้งบางเรื่อง

6. การปิดการขาย ก็เป็นส่วนที่ช่วยให้ลูกค้ามีปฎิกิริยาตอบสนอง ว่าลูกค้าตกลงใจอย่างไร ซึ่งมีด้วยกันหลายวิธี
  • การให้ของแถมตามที่ระบุในข้อตกลง

  • การเสนอทางเลือกให้ตัดสินใจโดยให้ความแตกต่างของสินค้า

  • การให้โอกาสสุดท้ายเพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้น

  • เปิดโอกาสให้ลูกค้าเป็นคนเลือกลักษณะของสินค้าตามความต้องการ เช่น การเลือกสี การเลือกวัน ลงสินค้า เป็นต้น









  • คุณสมบัติในการทำธุรกิจ



    การดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้นั้นอาศัยปัจจัยหลายประการ คุณสมบัติของผู้ประกอบการเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องพัฒนาตนให้เหมาะสมกับงานอาชีพ คุณสมบัติของผู้ประกอบธุรกิจที่สำคัญได้แก่

    4.1 มีความสนใจและความชอบในธุรกิจ(Business Aptitude)
    ผู้ประกอบธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่สนใจและชอบในธุรกิจของตนเองและธุรกิจอื่น ตลอดจนสภาพแวดล้อม หากบุคคลเหล่านั้นมีความสนใจและชอบในธุรกิจแล้ว ย่อมเกิดความมุ่งมั่นที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริงในระยะเวลาที่รวดเร็ว

    4.2 มีภาวะผู้นำ(Leadership)
    ผู้ประกอบธุรกิจต้องมีลักษณะผู้นำ เป็นผู้รอบรู้ ทันโลกทันสมัย เป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียน มีจิตวิทยาในการทำงาน สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้เป็นอย่างดี มีความมานะอดทนและเพียรพยายามที่จะกระตุ้นให้ผู้ร่วมงานได้แสดงศักยภาพ สามารถปกครองและครองใจผู้ร่วมงาน มีความมั่นใจในตนเอง สามารถแก้ไขปัญหาได้ ฯลฯ

    4.3 มีความรู้และความชำนาญ(Willingness to Take Risk)
    ผู้ประกอบธุรกิจต้องมีคุณสมบัติกล้าในการตัดสินใจที่จะลงทุนและมีความเสี่ยง นอกเหนือจากการมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังความคิด และมีเงินทุนแล้วเท่านั้นยังไม่เพียงพอสำหรับการประกอบธุรกิจ แต่จะต้องมีความตั้งใจอย่างแท้จริงที่จะลงทุน มีความกล้าที่จะเสี่ยงกับการขาดทุนด้วยความรอบคอบ สามารถแก้ไขปัญหาได้ทันเหตุการณ์ และพร้อมที่จะยอมรับความสำเร็จและความล้มเหลวที่อาจจะเกิดขึ้นด้วยความเต็มใจ

    4.4 มีความรู้และความชำนาญ(Knowledge and Skill)
    ผู้ประกอบธุรกิจต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้เกี่ยวกับงานในหน้าที่หรือธุรกิจที่ทำ มีความรอบรู้เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เช่น สภาพเศรษฐกิจ คู่แข่งขัน ความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภค ฯลฯ นอกจากนี้ต้องมีทักษะหรือความชำนาญในงานอาชีพ มีการเรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์จนเกิดความชำนาญอย่างแท้จริงสามารถบอกสอนพนักงานหรือเจ้าหน้าที่ได้อย่างดี

    4.5 มีทักษะการตัดสินใจ(Decision Making Skill)
    การเป็นนักวิเคราะห์และตัดสินใจได้ถูกต้องรวดเร็วโดยเฉพาะการตัดสินใจเกี่ยวกับการลงทุน การเสี่ยงภัยทางธุรกิจและการบริหารงานต้องใช้วิจารณญาณด้วยความสุขุม รอบคอบจะนำมาซึ่งความสำเร็จสู่ธุรกิจ การตัดสินใจที่ดี คือ การเลือกวิธีการที่ดีที่สุดจากทางเลือกหลาย ๆ ทาง ย่อมเป็นการประเมินสถานการณ์ทางธุรกิจได้อย่างฉลาด

    4.6 มีความยืดหยุ่น(Flexibility)
    ผู้ประกอบธุรกิจต้องเกี่ยวข้องกับปัจจัยต่าง ๆ อยู่ตลอดเวลา หากมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นย่อมมีผลกระทบต่อธุรกิจ ต้องยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น พยายามหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นโดยไม่ท้อถอย เป็นการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

    4.7 มีความทันสมัย(Updateness)
    ผู้ประกอบธุรกิจต้องมีความคิดสร้างสรรค์ คิดหาวิธีการใหม่ ๆ มาใช้กับธุรกิจด้วยการติดตามข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง กฎหมาย ตลอดจนเทคโนโลยี การนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ประกอบธุรกิจจะมีความเจริญก้าวหน้าเพื่อเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจให้มากยิ่งขึ้น

    4.8 มีจริยธรรม(Ethics)
    ผู้ประกอบธุรกิจจะต้องมีคุณธรรม จริยธรรมทางธุรกิจ มีความมุ่งมั่นและตั้งใจจริงที่จะสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้า มีความซื่อสัตย์ต่อลูกค้า มีความยุติธรรมต่อพนักงานไม่เอารัดเอาเปรียบ และให้ความช่วยเหลือสังคมต่อลดจนเอาใจใส่สิ่งแวดล้อม

    4.9 เป็นนักบริหาร(Excutive)
    ผู้ประกอบธุรกิจต้องพัฒนาตนเองอยู่ตลาดเวลา มีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์และพัฒนางานอยู่ตลอดเวลา เพื่อความสำเร็จและความอยู่รอดขององค์กร ขณะเดียวกันต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจ และนำหลักการบริหารไปดำเนินงานตามขั้นตอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    อ้างอิง http://krusuranart.com/index.php/2011-11-24-13-35-31/2011-12-01-17-21-41

    ทำเลที่ตั้งในการขาย

    ทำเลที่ตั้งในการขาย เช่น
    - สถานที่ที่มีคนเยอะ เช่น ถนนคนเดิน
    - สถานที่ที่ใกล้โรงเรียน เพราะนักเรียนส่วนใหญ่ชอบอ่านการ์ตูน
    - ทางออนไลน์ เช่น อินเทอเน็ต
    - ขายในสถานที่ที่รับซื้อหนังสือมือสอง
           

    การลงทุน



    การลงทุนก็มาจากการซื้อหนังสือการ์ตูน โดยส่วนใหญ่หนังสือการ์ตูนที่ผมซื้อจะอยู่เล่มละ 15 บาท
    เเละจากที่ผมสะสมมาประมาณ 120 เล่ม
    เพราะฉะนั้นการลงทุน คือ 120*15 = 1800 บาท

    10 กลยุทธ์ในการทำธุรกิจในแบบที่ไม่ต้องลงทุนสูง




     
    10 กลยุทธ์ในการทำธุรกิจในแบบที่ไม่ต้องลงทุนสูง

    เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหลายคน คิดว่าการตลาดเหมือนกับการไปพบทันตแพทย์ ตรงที่จะต้องทำทุกๆ ครึ่งปี แต่ที่จริงแล้วการตลาดคือกิจกรรมที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องมากกว่าทำๆ หยุดๆ ซึ่งทำให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างยากลำบาก หากลูกค้ามีการรับรู้ในเชิงบวกเกี่ยวกับชื่อเสียงของบริษัทคุณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว คุณก็สนทนาหรือเจรจาเพื่อปิดการขายกับลูกค้าของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น
    การตลาดที่ต่อเนื่องไม่ใช่การติดคำโฆษณาสวยเก๋คู่กับป้ายสินค้าที่วางจำหน่าย แต่การตลาดคือการสื่อสารด้วยข้อความที่เหมาะสมกับคนที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่างหาก
    การตลาดที่ทำได้ง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนมากนั้นสามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่อไปนี้
    1. ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ – ทุกครั้งที่มีเราแสดงว่าเรายอมรับตัวตนของลูกค้า ลูกค้ามักจะตอบสนอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้สึกว่าจ่ายน้อยแต่ได้คุ้ม Denise McMillan เจ้าของธุรกิจจำหน่ายกระเป๋าพกพาแบบทำมือที่มีชื่อว่า Plush Creations (www.plushcreations.com) กล่าวว่า “แม้ธุรกิจจะดำเนินกิจการผ่านเว็บ แต่ก็สามารถให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าได้” เธอมักจะแนบถุงกุหลาบแห้งกลิ่นหอมขนาดเล็กๆ ไปกับกระเป๋าใส่เครื่องประดับและกระเป๋าใส่ชุดชั้นในที่เธอจำหน่ายพร้อมเขียนการ์ดด้วยลายมือว่า “ขอบคุณ” ไปด้วยเสมอ เธอคิดว่า “แม้ถุงเล็กๆ และกระดาษการ์ดจะมีราคาและต้องลงทุน แต่มันก็เพิ่มคุณค่าพิเศษลงไปเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าซื้อแล้วได้รับการรับรู้ว่าตนเองคือคนพิเศษ”
    2. ออกแบบนามบัตรที่ลูกค้าดูแล้วรู้สึกอย่างเก็บ –คนส่วนใหญ่มักโยนนามบัตรทิ้งหลังจากได้รับจากประชุมเสร็จแล้วไม่กี่ชั่วโมง การสร้างนามบัตรที่ผู้รับรู้สึกอย่างเก็บเพราะมีประโยชน์น่าจะดีกว่า อย่างเช่น ทำสมุดฉีกที่มีหมายเลขติดต่อและคำโฆษณาธุรกิจไว้ทุกๆ หน้าแล้วออกแบบให้สวยงาม Elliott Black นักวางกลยุทธ์การตลาดจาก Northbrook รัฐ Illinois กล่าวว่า “สมุดฉีกที่เป็นนามบัตรไปด้วยในตัวนี้ เก็บไว้ใช้ได้นานอย่างน้อยก็ 30 วัน ช่วยให้ลูกค้าจำเราได้ดียิ่งขึ้น”
    3. หยุดให้บริการลูกค้าที่เขาซื้อของเราแน่ๆ อยู่แล้ว แต่ให้หันความสนใจไปที่ลูกค้าที่ยังไม่ยอมซื้อสินค้าของเราให้มากขึ้น – หากความคิดนี้ทำให้คุณกังขา ขอให้คิดไตร่ตรองดูอีกที เพราะคุณอาจตกหลุมพราง โดยมัวแต่เพิ่มยอดขายจากลูกค้ากลุ่มนี้ แต่กลับไม่เห็นผลกำไรให้งอกเงย หากคุณหยุดกิจกรรมการตลาดที่จะสื่อสารถึงลูกค้าเหล่านี้แล้ว คุณจะมีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นไปกับลูกค้าที่จะที่ให้ธุรกิจเติบโต Michael King นักการตลาดจาก Atlanta กล่าวว่า “ร้อยละ 20 ของฐานลูกค้าในมือคุณคือกลุ่มที่สร้างยอดกำไรในแต่ละปีได้สูงถึงร้อยละ 150 ถึง 200 และร้อยละ 70 ของฐานลูกค้าคือกลุ่มที่ทำให้คุ้มทุน และอีกร้อยละ 10 คือกลุ่มที่สร้างกำไรร้อยละ 50 ถึง 100 ของยอดกำไรทั้งปี” ลองดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพในการเพิ่มผลกำไรในฐานลูกค้าของคุณอย่างละเอียดแล้วก็พุ่งเป้าให้บริการแบบ Premium Service ไปที่ลูกค้ากลุ่มนั้น พร้อมทั้งทำการตลาดอย่างเหมาะสมด้วย (Microsoft Outlook 2010 with Business Contact Manager สามารถวิเคราะห์ประวัติของลูกค้าคุณได้)
     

    



    4. าระบบระเบียนไปรษณีย์แล้วส่งจดหมายอย่างทั่วถึง - ธุรกิจส่วนใหญ่นิยมใช้จดหมายข่าวอิเล็กทรอกนิกส์หรือ e-newsletter และคุณก็คงเคยส่งมาบ้างแล้ว จดหมายประเภทนี้มีความคุ้มค่าในการลงทุน แต่จริงๆ แล้วเพราะ กระแสการตลาดแบบ e-mail marketing กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย คุณสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วโดยการส่งอีเมลส่วนตัวแบบธรรมดาๆ ไปหาลูกค้าตามโอกาส แค่แน่ใจว่าจดหมายที่ส่งไปมีสิ่งที่ลูกค้าอยากอ่าน ไม่ว่าจะเป็นผลการวิเคราะห์งานอีเวนต์ล่าสุด, ข้อเสนอพิเศษหรือใบเสร็จรับเงินที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับรสนิยมของลูกค้าอย่างสวยงาม Leslie Ungar ผู้เชี่ยวชาญจาก Ohio กล่าวว่า “การส่งเมลแบบนี้ ต้องมีคุณค่าพอที่จะเปิดอ่าน จึงต้องสะท้อนคุณค่าที่คุณจะหยิบยื่นให้ลูกค้า จำไว้ว่า วิธีขายที่ดีที่สุดคือการเล่าเรื่อง กระบวนการสร้างจะง่าย หากสร้างแม่แบบจดหมายเอาไว้หรือเตรียมแผ่น label จ่าหน้าซองโดยใช้โปรแกรม Word ใน Office 2010 เอามาพิมพ์เตรียมไว้ล่วงหน้า ส่วนรายชื่อระเบียนก็สามารถเก็บได้อย่างเป็นระบบโดยใช้ Excel ได้เช่นกันเพราะสามารถถ่ายโอนข้อมูลเข้าไปในโปรแกรม Word ได้อย่างสบายๆ

    5. สร้างโปรไฟล์ที่ดีจากงาน Trade Show และงานประชุมใหญ่ๆ - คุณสามารถสร้างป้ายหรือโปสการ์ดที่มีข้อมูลติดต่อบริษัทของคุณพร้อมแทรกข่าวอัพเดทผลิตภัณฑ์หรือเว็บไซต์เล็กๆ ได้ จากโปรแกรม Publisher ได้เอง

    6. ธุรกิจกับความสนุกเข้าด้วยกัน ในรูปแบบของงานการกุศล - เป็นผู้นำงานอีเวนต์ ปาร์ตี้ หรืองานประชุมด้วยเหตุผลที่คุณสนใจเป็นพิเศษ และแสดงให้ทุกคนได้รู้ถึงทักษะความเป็นผู้นำแห่งวงการธุรกิจขนาดเล็ก (small business leadership) ของคุณ ทาง Kate Koziol ผู้เชี่ยวชาญด้านประชาสัมพันธ์จาก Chicago กล่าวว่า “ ฉันเป็นเจ้าภาพการแข่งเบสบอลโดยเชิญลูกค้าหลายร้อยคนเพื่อมาร่วมงาน Cubs game ที่สนาม Wrigley Field และเมื่อปีก่อน มีคนมา 300 คน และเราได้เงินรายได้มา 1 หมื่นเหรียญเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ในชนบท มีลูกค้าน้อยคนที่จะไม่ร่วมเล่นเกม ซึ่งนี่นับเป็นโอกาสในการสร้างสังคมที่ดียิ่ง มันทำให้ฉันได้พบปะลูกค้าปัจจุบันและสร้างความประทับใจให้คนที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าในอนาคตด้วย”

    7. สร้างจุดหมายปลายทาง - ร้านหนังสือ Barnes & Noble เปิดให้บริการขายกาแฟไปด้วย ร้านจำหน่ายเครื่องเรือน Ikea ให้บริการรับเลี้ยงเด็กอ่อนและโรงอาหารด้วย ทำไมน่ะหรือ? เพื่อให้ลูกค้าได้เกิดประสบการณ์ที่ดีและอยู่กับร้านนานๆ แล้วเช้าวันอาทิตย์ที่ Barnes & Noble จะดูรื่นรมย์มากกว่างานช้อปปิ้งธรรมดา Jay Lipe ที่ปรึกษาด้านการตลาดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กจาก Minneapolis แนะนำว่า ด้วยการโฆษณาแบบ pay-per-click advertising จะช่วยให้คุณดึงคนมางานได้อย่างมากในต้นทุนที่ถูกลง Lipe สร้างเว็บไซต์เกมที่ชื่อ Games by James (www.gamesbyjames.biz) เพื่อจำหน่ายเกมในตลาดค้าปลีก และสามารถดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้มากผ่านโฆษณาแบบ pay-per-click เขากล่าววว่า “ผลลัพธ์เห็นได้ชั่วข้ามคืน ซึ่งปกติในโลกของการตลาดทั่วไปแล้ว มันน่าจะใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเลยทีเดียวเพื่อให้เกิด awareness แบบนี้ได้ แต่นี่เรากลับเห็นผลทันตาภายในชั่วข้ามคืนเท่านั้นเอง”

    8. ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องโลกออนไลน์ - นี่คือวิธีการที่ทำได้เอง “ฟรีๆ” ในการนำธุรกิจสู่ความสำเร็จ ลองหาข้อมูลจากอีเมลที่คุณเคยได้รับหรือข้อมูลจากเว็บบอร์ดออนไลน์ที่มีเนื้อหาตรงกับธุรกิจของคุณ จากนั้นลองเข้าไปในกลุ่ม community ต่างๆ แล้วโพสคำแนะนำดีๆ เพื่อแก้ไขปัญหาหรือตอบคำถามคาใจให้สมาชิกคนอื่นได้เข้าใจอย่างชัดเจนก็ได้ คุณอาจต้องคอยเข้าไปโพสหรือตอบบ่อยๆ สักระยะหนึ่งกว่าชื่อเสียงของคุณจะเป็นที่รู้จัก แต่รางวัลที่คุณจะได้รับนั้นคือคุณจะได้ลูกค้าและได้รับชื่อเสียงที่บอกต่อกันไปแบบปากต่อปาก Shel Horowitz ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กจาก Northampton รัฐ Mass กล่าวว่า “การสนทนากันผ่านทาง e-mail discussion list คือแหล่งของข้อมูลในการหาลูกค้าของผมในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา”

    9. เกาะติดสื่อมวลชนท้องถิ่น – บทความที่เขียนโดยบรรณาธิการมักมีความน่าเชื่อถือมากกว่าสำหรับลูกค้าหากเทียบกับหน้าโฆษณาที่มีการซื้อขายกันอย่างที่เห็นๆ หากต้องการได้สื่อท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวิทยุ ได้เห็นคุณ คุณต้องมีเรื่องราวที่เหมาะกับเวลาสถานการณ์และเป็นเรื่องที่ใหม่ น่าสนใจ คุณจึงต้องมีนักสร้างเรื่องที่มีประสบการณ์เพื่อร่างเรื่องราว วางสื่อที่ต้องการจะออก และเขียน press release และส่งออกไปยังช่องทางต่างๆ คุณสามารถทำงานแบบนี้แบบระยะสั้นหรืออย่างต่อเนื่องก็ได้

    10. อย่าปล่อยให้ลูกค้าหลุดมือไปได้ง่ายๆ - พยายามที่จะดึงลูกค้ากลับมา ค่าใช้จ่ายในการดึงลูกค้ากลับมานั้นถูกกว่าการแสวงหาลูกค้าใหม่มากนัก หากคุณไม่ได้ยินเสียงจากลูกค้าสักพักใหญ่ๆ ให้ส่งอีเมลที่ปรับแต่งให้เข้ากับรสนิยมของลูกค้าเพื่อสอบถามลูกค้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง สำหรับลูกค้าที่ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี โปรดโทรศัพท์แล้วโทรไปยอมรับสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นว่าคุณได้รับทราบและถามว่าคุณสามารถทำอะไรเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดได้บ้าง การมอบส่วนลด ก็อาจจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้ การใจดีต่อลูกค้าคือการตลาดที่ถูกที่สุดที่คุณสามารถทำได้

    อ้างอิง http://www.microsoft.com/business/th-th/Content/Pages/article.aspx?cbcid=36








    ธุรกิจขายหนังสือออนไลน์


     
    ธุรกิจขายหนังสือออนไลน์
     
     
    หลายคนเป็นนักสะสมหนังสือ หรือซื้อมาอ่านแล้วยังเก็บรักษาไว้อย่างดีจนไม่มีที่จะเก็บ หากจะให้คนอื่นไปอ่านก็เกรงจะเอาหนังสือเราไปทิ้งขว้างไม่เกิดประโยชน์ ใครที่เป็นคนรักหนังสือและมีความคิดเช่นเดียวกันนี้
     
    หากต้องการระบายหนังสือเพราะไม่มีที่เก็บ ผู้เขียนแนะนำให้ขายหนังสือมือสองออนไลน์ค่ะ เพราะนอกจากหนังสือที่เรารักจะไปอยู่ในมือคนที่รักหนังสือเช่นเดียวกับเราแล้วยังทำให้มีรายได้เป็นอาชีพหรือเป็นธุรกิจออนไลน์ที่น่าสนใจและน่าลงลงทุน
     
     
    การขายหนังสือมือสองออนไลน์ ก็ไม่แตกต่างไปจากการทำธุรกิจออนไลน์ที่น่าสนใจอื่นๆ เช่นต้องการขายหนังสือมือสองของตนเองก็อาจถ่ายภาพหนังสือลงโพสใน Face Book
    พร้อมคำบรรยายใต้ภาพเกี่ยวกับเรื่องราวสำคัญที่มีอยู่ในหนังสือเล่มนั้น หากมีคนสนใจก็อาจสอบถามเพิ่มเติมเมื่อโอนเงินมาให้ก็จัดส่งหนังสือให้กับลูกค้า สำหรับค่าส่งอาจบวกไว้กับค่าหนังสือ
    วิธีนี้เป็นการขายหนังสือที่มีอยู่เพื่อหารายได้เสริมหรือเป็นการระบายหนังสือให้ไปอยู่กับคนที่ต้องการจริงๆแต่ถ้าคิดจะทำเป็นอาชีพเสริมอาจสร้างเพจขายหนังสือมือสอง นอกจากหนังสือที่มีอยู่แล้วควรหาซื้อหนังสือหลากหลายแนวมาไว้ขาย


    เช่นหาซื้อหนังสือเก่าจากตลาดนัดจตุจักรหรือร้านรับซื้อของเก่ามาซ่อมแซมให้อยู่ในสภาพที่ใช้ได้มีเนื้อหาครบถ้วน หรือรับฝากขายหนังสือมือสองของเพื่อนๆ และคนรู้จัก วิธีนี้เป็นการทำธุรกิจออนไลน์ที่น่าสนใจโดยไม่ต้องลงทุน หรือลงทุนไม่มากการขายหนังสือมือสองธุรกิจออนไลน์ที่น่าสนใจ


     

    

    ธุรกิจที่อยากจะทำ

     
     
    ธุรกิจขายหนังสือ
     
     
     
     
    ถึงแม้เทคโนโลยีจะมีความก้าวหน้า ข้อมูลข่าวสารหาอ่านได้อย่างรวดเร็วจากอินเทอร์เน็ต แต่คนส่วนหนึ่งก็ยังนิยมอ่านหนังสือ ซึ่งหนังสือต่างๆเหล่านั้นนอกจากมีเนื้อหาที่หลากหลายแล้วยังสามารถเก็บไว้และพร้อมที่จะนำออกมาอ่านใหม่ได้อีก โดยเฉพาะหนังสือเก่าๆที่มีเรื่องราวสำคัญมากมายให้เก็บไว้เพื่อจดจำ หรือศึกษาค้นคว้าหาข้อมูล ขายหนังสือมือสองจึงเป็นอาชีพอิสระลงทุนน้อยที่น่าสนใจอีกอาชีพหนึ่ง
     
    ธุรกิจขายหนังสือมือสองเป็นอาชีพอิสระลงทุนน้อย ที่มีหนังสือมือสองหลากหลายประเภทให้นำมาขาย เช่น หนังสือนวนิยาย นิตยสารรายปักษ์ นิตยสารรายเดือน ตำราอาหาร หนังสือการ์ตูน ตำราเรียน หนังสือเกี่ยวกับงานฝีมือและสิ่งประดิษฐ์ต่างๆ
    หนังสือเกี่ยวกับแม่และเด็ก ตำราทำนายฝัน ประวัติคนดัง และอีกมากมายหลายประเภท แหล่งหาซื้อหนังสือมือสองมาขายอาทิเช่น ตลาดนัดจตุจักร หรือรับซื้อหนังสือเก่าจากเพื่อนหรือคนรู้จัก ร้านรับซื้อของเก่า
    อาจนำมาซ่อมหรือตกแต่งให้อยู่ในสภาพดีก่อนขายหรือเลือกซื้อหนังสือที่ยังอยู่ในสภาพดีมาขายเลยก็ได้ เป็นอาชีพอิสระลงทุนน้อยที่สามารถขายได้ทุกที่ทั้งตลาดนัด ตลาดถนนคนเดิน
    ตลาดไนท์ วางแผงขาย หรือเปิดเป็นร้านหนังสือที่ขายหนังสือเก่าโดยเฉพาะอาชีพอิสระลงทุนน้อยถึงแม้จะมีหลากหลายประเภท แต่อาชีพขายหนังสือมือสองก็เป็นงานขายที่ลงทุนน้อย สินค้าไม่บูดไม่เน่าขายได้กำไรมากเกินกว่าครึ่งของราคาทุน เมื่อเปรียบเทียบกับการขายสินค้าอื่นๆขายหนังสือมือสองเป็นอาชีพที่น่าสนใจมากที่สุด

    อ้างอิง http://datacatalog.org