10 กลยุทธ์ในการทำธุรกิจในแบบที่ไม่ต้องลงทุนสูง
เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กหลายคน
คิดว่าการตลาดเหมือนกับการไปพบทันตแพทย์ ตรงที่จะต้องทำทุกๆ ครึ่งปี
แต่ที่จริงแล้วการตลาดคือกิจกรรมที่ต้องทำอย่างต่อเนื่องมากกว่าทำๆ หยุดๆ
ซึ่งทำให้ธุรกิจดำเนินไปอย่างยากลำบาก
หากลูกค้ามีการรับรู้ในเชิงบวกเกี่ยวกับชื่อเสียงของบริษัทคุณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
คุณก็สนทนาหรือเจรจาเพื่อปิดการขายกับลูกค้าของคุณได้ง่ายยิ่งขึ้น
การตลาดที่ต่อเนื่องไม่ใช่การติดคำโฆษณาสวยเก๋คู่กับป้ายสินค้าที่วางจำหน่าย
แต่การตลาดคือการสื่อสารด้วยข้อความที่เหมาะสมกับคนที่เหมาะสมในช่วงเวลาที่เหมาะสมต่างหาก
การตลาดที่ทำได้ง่ายๆ
ไม่ต้องลงทุนมากนั้นสามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่อไปนี้
- ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนพิเศษ –
ทุกครั้งที่มีเราแสดงว่าเรายอมรับตัวตนของลูกค้า ลูกค้ามักจะตอบสนอง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้สึกว่าจ่ายน้อยแต่ได้คุ้ม Denise McMillan
เจ้าของธุรกิจจำหน่ายกระเป๋าพกพาแบบทำมือที่มีชื่อว่า Plush Creations
(www.plushcreations.com) กล่าวว่า “แม้ธุรกิจจะดำเนินกิจการผ่านเว็บ
แต่ก็สามารถให้บริการที่ดีแก่ลูกค้าได้” เธอมักจะแนบถุงกุหลาบแห้งกลิ่นหอมขนาดเล็กๆ
ไปกับกระเป๋าใส่เครื่องประดับและกระเป๋าใส่ชุดชั้นในที่เธอจำหน่ายพร้อมเขียนการ์ดด้วยลายมือว่า
“ขอบคุณ” ไปด้วยเสมอ เธอคิดว่า “แม้ถุงเล็กๆ และกระดาษการ์ดจะมีราคาและต้องลงทุน
แต่มันก็เพิ่มคุณค่าพิเศษลงไปเพื่อให้ลูกค้ารู้สึกว่าซื้อแล้วได้รับการรับรู้ว่าตนเองคือคนพิเศษ”
- ออกแบบนามบัตรที่ลูกค้าดูแล้วรู้สึกอย่างเก็บ
–คนส่วนใหญ่มักโยนนามบัตรทิ้งหลังจากได้รับจากประชุมเสร็จแล้วไม่กี่ชั่วโมง
การสร้างนามบัตรที่ผู้รับรู้สึกอย่างเก็บเพราะมีประโยชน์น่าจะดีกว่า อย่างเช่น
ทำสมุดฉีกที่มีหมายเลขติดต่อและคำโฆษณาธุรกิจไว้ทุกๆ หน้าแล้วออกแบบให้สวยงาม
Elliott Black นักวางกลยุทธ์การตลาดจาก Northbrook รัฐ Illinois กล่าวว่า
“สมุดฉีกที่เป็นนามบัตรไปด้วยในตัวนี้ เก็บไว้ใช้ได้นานอย่างน้อยก็ 30 วัน
ช่วยให้ลูกค้าจำเราได้ดียิ่งขึ้น”
- หยุดให้บริการลูกค้าที่เขาซื้อของเราแน่ๆ อยู่แล้ว
แต่ให้หันความสนใจไปที่ลูกค้าที่ยังไม่ยอมซื้อสินค้าของเราให้มากขึ้น –
หากความคิดนี้ทำให้คุณกังขา ขอให้คิดไตร่ตรองดูอีกที เพราะคุณอาจตกหลุมพราง
โดยมัวแต่เพิ่มยอดขายจากลูกค้ากลุ่มนี้ แต่กลับไม่เห็นผลกำไรให้งอกเงย
หากคุณหยุดกิจกรรมการตลาดที่จะสื่อสารถึงลูกค้าเหล่านี้แล้ว
คุณจะมีเวลาและทรัพยากรมากขึ้นไปกับลูกค้าที่จะที่ให้ธุรกิจเติบโต Michael King
นักการตลาดจาก Atlanta กล่าวว่า “ร้อยละ 20
ของฐานลูกค้าในมือคุณคือกลุ่มที่สร้างยอดกำไรในแต่ละปีได้สูงถึงร้อยละ 150 ถึง 200
และร้อยละ 70 ของฐานลูกค้าคือกลุ่มที่ทำให้คุ้มทุน และอีกร้อยละ 10
คือกลุ่มที่สร้างกำไรร้อยละ 50 ถึง 100 ของยอดกำไรทั้งปี”
ลองดูข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับศักยภาพในการเพิ่มผลกำไรในฐานลูกค้าของคุณอย่างละเอียดแล้วก็พุ่งเป้าให้บริการแบบ
Premium Service ไปที่ลูกค้ากลุ่มนั้น พร้อมทั้งทำการตลาดอย่างเหมาะสมด้วย
(Microsoft Outlook 2010 with Business Contact Manager
สามารถวิเคราะห์ประวัติของลูกค้าคุณได้)

4. าระบบระเบียนไปรษณีย์แล้วส่งจดหมายอย่างทั่วถึง - ธุรกิจส่วนใหญ่นิยมใช้จดหมายข่าวอิเล็กทรอกนิกส์หรือ e-newsletter และคุณก็คงเคยส่งมาบ้างแล้ว จดหมายประเภทนี้มีความคุ้มค่าในการลงทุน แต่จริงๆ แล้วเพราะ กระแสการตลาดแบบ e-mail marketing กลายเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย คุณสามารถโดดเด่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วโดยการส่งอีเมลส่วนตัวแบบธรรมดาๆ ไปหาลูกค้าตามโอกาส แค่แน่ใจว่าจดหมายที่ส่งไปมีสิ่งที่ลูกค้าอยากอ่าน ไม่ว่าจะเป็นผลการวิเคราะห์งานอีเวนต์ล่าสุด, ข้อเสนอพิเศษหรือใบเสร็จรับเงินที่ถูกปรับแต่งให้เข้ากับรสนิยมของลูกค้าอย่างสวยงาม Leslie Ungar ผู้เชี่ยวชาญจาก Ohio กล่าวว่า “การส่งเมลแบบนี้ ต้องมีคุณค่าพอที่จะเปิดอ่าน จึงต้องสะท้อนคุณค่าที่คุณจะหยิบยื่นให้ลูกค้า จำไว้ว่า วิธีขายที่ดีที่สุดคือการเล่าเรื่อง กระบวนการสร้างจะง่าย หากสร้างแม่แบบจดหมายเอาไว้หรือเตรียมแผ่น label จ่าหน้าซองโดยใช้โปรแกรม Word ใน Office 2010 เอามาพิมพ์เตรียมไว้ล่วงหน้า ส่วนรายชื่อระเบียนก็สามารถเก็บได้อย่างเป็นระบบโดยใช้ Excel ได้เช่นกันเพราะสามารถถ่ายโอนข้อมูลเข้าไปในโปรแกรม Word ได้อย่างสบายๆ
5. สร้างโปรไฟล์ที่ดีจากงาน Trade Show และงานประชุมใหญ่ๆ -
คุณสามารถสร้างป้ายหรือโปสการ์ดที่มีข้อมูลติดต่อบริษัทของคุณพร้อมแทรกข่าวอัพเดทผลิตภัณฑ์หรือเว็บไซต์เล็กๆ
ได้ จากโปรแกรม Publisher ได้เอง
6. ธุรกิจกับความสนุกเข้าด้วยกัน ในรูปแบบของงานการกุศล - เป็นผู้นำงานอีเวนต์ ปาร์ตี้ หรืองานประชุมด้วยเหตุผลที่คุณสนใจเป็นพิเศษ และแสดงให้ทุกคนได้รู้ถึงทักษะความเป็นผู้นำแห่งวงการธุรกิจขนาดเล็ก (small business leadership) ของคุณ ทาง Kate Koziol ผู้เชี่ยวชาญด้านประชาสัมพันธ์จาก Chicago กล่าวว่า “ ฉันเป็นเจ้าภาพการแข่งเบสบอลโดยเชิญลูกค้าหลายร้อยคนเพื่อมาร่วมงาน Cubs game ที่สนาม Wrigley Field และเมื่อปีก่อน มีคนมา 300 คน และเราได้เงินรายได้มา 1 หมื่นเหรียญเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ในชนบท มีลูกค้าน้อยคนที่จะไม่ร่วมเล่นเกม ซึ่งนี่นับเป็นโอกาสในการสร้างสังคมที่ดียิ่ง มันทำให้ฉันได้พบปะลูกค้าปัจจุบันและสร้างความประทับใจให้คนที่คาดว่าจะเป็นลูกค้าในอนาคตด้วย”
7. สร้างจุดหมายปลายทาง - ร้านหนังสือ Barnes & Noble เปิดให้บริการขายกาแฟไปด้วย
ร้านจำหน่ายเครื่องเรือน Ikea ให้บริการรับเลี้ยงเด็กอ่อนและโรงอาหารด้วย
ทำไมน่ะหรือ? เพื่อให้ลูกค้าได้เกิดประสบการณ์ที่ดีและอยู่กับร้านนานๆ
แล้วเช้าวันอาทิตย์ที่ Barnes & Noble จะดูรื่นรมย์มากกว่างานช้อปปิ้งธรรมดา
Jay Lipe ที่ปรึกษาด้านการตลาดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กจาก Minneapolis แนะนำว่า
ด้วยการโฆษณาแบบ pay-per-click advertising
จะช่วยให้คุณดึงคนมางานได้อย่างมากในต้นทุนที่ถูกลง Lipe สร้างเว็บไซต์เกมที่ชื่อ
Games by James
(www.gamesbyjames.biz) เพื่อจำหน่ายเกมในตลาดค้าปลีก
และสามารถดึงดูดลูกค้าเข้ามาได้มากผ่านโฆษณาแบบ pay-per-click เขากล่าววว่า
“ผลลัพธ์เห็นได้ชั่วข้ามคืน ซึ่งปกติในโลกของการตลาดทั่วไปแล้ว
มันน่าจะใช้เวลาเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือนเลยทีเดียวเพื่อให้เกิด awareness
แบบนี้ได้ แต่นี่เรากลับเห็นผลทันตาภายในชั่วข้ามคืนเท่านั้นเอง”
8. ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องโลกออนไลน์ - นี่คือวิธีการที่ทำได้เอง “ฟรีๆ”
ในการนำธุรกิจสู่ความสำเร็จ
ลองหาข้อมูลจากอีเมลที่คุณเคยได้รับหรือข้อมูลจากเว็บบอร์ดออนไลน์ที่มีเนื้อหาตรงกับธุรกิจของคุณ
จากนั้นลองเข้าไปในกลุ่ม community ต่างๆ แล้วโพสคำแนะนำดีๆ
เพื่อแก้ไขปัญหาหรือตอบคำถามคาใจให้สมาชิกคนอื่นได้เข้าใจอย่างชัดเจนก็ได้
คุณอาจต้องคอยเข้าไปโพสหรือตอบบ่อยๆ
สักระยะหนึ่งกว่าชื่อเสียงของคุณจะเป็นที่รู้จัก
แต่รางวัลที่คุณจะได้รับนั้นคือคุณจะได้ลูกค้าและได้รับชื่อเสียงที่บอกต่อกันไปแบบปากต่อปาก
Shel Horowitz ผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กจาก Northampton รัฐ
Mass กล่าวว่า “การสนทนากันผ่านทาง e-mail discussion list
คือแหล่งของข้อมูลในการหาลูกค้าของผมในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา”
9. เกาะติดสื่อมวลชนท้องถิ่น –
บทความที่เขียนโดยบรรณาธิการมักมีความน่าเชื่อถือมากกว่าสำหรับลูกค้าหากเทียบกับหน้าโฆษณาที่มีการซื้อขายกันอย่างที่เห็นๆ
หากต้องการได้สื่อท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ หรือวิทยุ
ได้เห็นคุณ คุณต้องมีเรื่องราวที่เหมาะกับเวลาสถานการณ์และเป็นเรื่องที่ใหม่
น่าสนใจ คุณจึงต้องมีนักสร้างเรื่องที่มีประสบการณ์เพื่อร่างเรื่องราว
วางสื่อที่ต้องการจะออก และเขียน press release และส่งออกไปยังช่องทางต่างๆ
คุณสามารถทำงานแบบนี้แบบระยะสั้นหรืออย่างต่อเนื่องก็ได้
10. อย่าปล่อยให้ลูกค้าหลุดมือไปได้ง่ายๆ - พยายามที่จะดึงลูกค้ากลับมา
ค่าใช้จ่ายในการดึงลูกค้ากลับมานั้นถูกกว่าการแสวงหาลูกค้าใหม่มากนัก
หากคุณไม่ได้ยินเสียงจากลูกค้าสักพักใหญ่ๆ
ให้ส่งอีเมลที่ปรับแต่งให้เข้ากับรสนิยมของลูกค้าเพื่อสอบถามลูกค้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง
สำหรับลูกค้าที่ได้รับประสบการณ์ที่ไม่ดี
โปรดโทรศัพท์แล้วโทรไปยอมรับสิ่งไม่ดีที่เกิดขึ้นว่าคุณได้รับทราบและถามว่าคุณสามารถทำอะไรเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดได้บ้าง
การมอบส่วนลด ก็อาจจะช่วยให้อะไรดีขึ้นได้
การใจดีต่อลูกค้าคือการตลาดที่ถูกที่สุดที่คุณสามารถทำได้
อ้างอิง
http://www.microsoft.com/business/th-th/Content/Pages/article.aspx?cbcid=36